ชื่ออื่น : มันแกว (กลาง), หัวแปะกัวะ (ใต้), มันแกวละแวก, มันแกวลาว (เหนือ), มันเพา (อีสาน)
ชื่อสามัญ : Jicama, Yam bean
ชื่อวิทยาศาสตร์: Pachyrhizus erosus L. Urb.
ชื่อวงศ์ : Leguminosae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ต้นมันแกว ไม้เถาเลื้อยพันต้นไม้อื่นไม่มีมือเกาะ มีรากสะสมอาหารใต้ดินขนาดเท่ากำปั้นทรงกลมปลายแหลม มีรากตางปลายหัวคล้ายรากแก้ว เนื้อในหัวสีขาวขุ่น มีเส้นใยมากรสชาติคล้ายแป้ง
- ใบมันแกว ใบประกอบก้านใบยาวประมาณ 10 ซม. มีใบ 3 ใบ แตกจากก้านใบ ใบย่อยรูปสามเหลี่ยม โคนใบป้านมนเข้าหาเส้นกลางใบ ปลายใบแหลม แผ่นใบเรียบ สากมือ ขนาดกว้างประมาณ 10 ซม.
- ดอกมันแกว ดอกเป็นดอกช่อ ก้านดอกยาว 30-40 ซม. แตกแยกจากซอกใบชูขึ้นเหนือทรงพุ่ม ดอกรูปไตสีม่วงอ่อน เมื่อบานมีรูปร่างคล้ายดอกแค แต่ขนาดเล็กยาวประมาณ 2 ซม.
- ผลมันแกว เป็นฝักแบนยาวขนาดกว้างประมาณ 1 ซม. ยาว 5-10 ซม. มีขนนุ่มปกคลุมทั้งฝักมีเมล็ดเรียงอยู่ภายใน 10-15 เมล็ด ลักษณะกลมค่อนข้างแบน สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ผิวมัน
ส่วนที่เป็นพิษ : มันแกวเป็นพืชที่มีหัวใต้ดินซึ่งรับประทานได้ แต่บางส่วนของมันแกวก็เป็นพิษได้เช่นกัน เช่น ใบและเมล็ดของมันแกวนั้นเป็นพิษ
สารพิษ : ฝักอ่อนของมันแกวสามารถรับประทานได้ แต่เมื่อแก่จะเป็นพิษ โดยเฉพาะที่เมล็ดของมันแกวนั้น มีสารที่มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง หลายชนิด ได้แก่ pachyrrhizin, pachyrrhizone, 12-(A)-hydroxypachyrrhizone, dehydropachyrrhizone, dolineone, erosenone, erosin, erosone , neodehydrorautenone, 12 -(A)-hydroxy lineonone, 12-(A)-hydroxymundu- serone (8), rotenone (9) นอกจากนี้ยังมีสารซาโปนิน ได้แก่ pachysaponins A และ B ซึ่งละลายน้ำได้ และเป็นพิษต่อปลาทำให้ปลาตาย ส่วนใบของมันแกวนั้นมีสารพิษคือ pachyrrhizid ซึ่งมีพิษต่อโคและกระบือมากกว่าม้า
การเกิดพิษ มันแกว :
ใบ และเมล็ด เมื่อศึกษาพิษของ rotenone พบว่า ถ้ารับประทาน rotenone เข้าไป จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน การหายใจเข้าไปพิษจะรุนแรงกว่า โดยไปกระตุ้นระบบการหายใจ ตามด้วยการกดการหายใจ ชัก และอาจถึงชีวิตได้ มีรายงานว่าถ้ารับประทานเมล็ดมันแกวเพียงครึ่งเมล็ดจะเป็นยาระบาย และบางแห่งใช้เป็นยาขับพยาธิ ดังนั้นจึงควรระมัดระวัง นอกจากนี้อาจเกิดอาการพิษเรื้อรัง โดยทำให้ไขมันในตับและไตเปลี่ยนแปลง ส่วนพิษของสารซาโปนิน จะมีผลต่อระบบทางเดินอาหารเช่นกัน คือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ ในรายที่เป็นรุนแรงอาจมีปัญหาในระบบกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถทรงตัวได้ ระบบไหลเวียนโลหิตผิดปกติและทำให้ชักได้
การรักษา :
ล้างท้อง ให้รับประทานพวก demulcents เช่น นมและไข่ขาว ระวังการเสีย น้ำและ electrolyte balance ถ้าสูญเสียมากต้องให้น้ำเกลือ ทางเส้นเลือด
ที่มาของข้อมูล : http://www.medplant.mahidol.ac.th/poison/mankaew.htm