ชื่อสมุนไพร : ปลาไหลเผือก
ชื่ออื่นๆ : คะนาง, ขะนาง, ไหลเผือก(ตราด), ตุงสอ, แฮพันชั้น(ภาคเหนือ), หยิกปอถอง, หยิกไม่ถึง, เอียนดอย(ภาคอีสาน), เพียก (ภาคใต้), กรุงบาดาล(สุราษฎร์ธานี), ตรึงบาดาล(ปัตตานี), ตุวุเบ๊าะมิง, ดูวุวอมิง(มลายู-นราธิวาส)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eurycoma longifolia Jack
ชื่อวงศ์ : SIMAROUBACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ใบปลาไหลเผือก เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียน ใบประกอบยาวได้กว่า 35 เซนติเมตร ใบ
ย่อย 8-13 คู่ เรียงตรงข้ามหรือเกือบตรงข้าม รูปใบหอกแกมรูปไข่กลับหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่ เรียวยาว ใบย่อยเรียงแบบตรงข้าม กว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร เส้นแขนงใบข้างละ 8-12 เส้น ปลายใบแหลม ฐานใบมน ขอบใบเรียบ โคนใบเบี้ยว เส้นใบเห็นไม่ชัดเจน ปลายโค้งจรดกัน เส้นกลางใบนูนเล็กน้อยด้านบน นูนเด่นชัดด้านล่าง ไม่มีก้านใบย่อย แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวใบเรียบเป็นมัน ผิวด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนประปราย ก้านช่อใบยาว 7-15 เซนติเมตร - ดอกปลาไหลเผือก เป็นช่อแบบแยกแขนง ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง และซอกใบ เป็นช่อพวงใหญ่ ยาวได้
ถึง 30 เซนติเมตร ดอกแยกเพศร่วมต้น หรือแยกเพศต่างต้น มีขนละเอียดและขนสั้นเป็นต่อมกระจาย ทั้งก้านช่อดอก ก้านดอก ใบประดับ และกลีบเลี้ยง มีขนประปรายและมีขนต่อมเป็นกระจุก กลีบดอก 5 กลีบ สีม่วงปนแดง
ส่วนที่ใช้เป็นยา : รากปลาไหลเผือก
สรรพคุณ ปลาไหลเผือก :
- ราก รสขม เบื่อเมาเล็กน้อย ถ่ายพิษต่างๆ ถ่ายฝีในท้อง ถ่ายพิษไข้พิษเสมหะ และโลหิต แก้ไข้ แก้ไข้มาลาเรีย ตัดไข้ทุกชนิด แก้ลม แก้วัณโรคระยะบวม ขับเหงื่อ ขับพยาธิ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้เจ็บคอ ความดันเลือดสูง อัมพาต ขับถ่ายน้ำเหลือง แก้ท้องผูก