ชื่ออื่น : กกช้าง, กกธูป, เฟื้อ, เฟื้อง, หญ้าเฟื้อง, หญ้ากกช้าง, หญ้าปรือ (ภาคกลาง), หญ้าสลาบหลวง, หญ้าสะลาบหลวง (ภาคเหนือ) และ ปรือ (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Typha angustifolia Linn.
ชื่อวงศ์ : TYPHACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ต้นกกธูปฤาษี เป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี เหง้ากลม แทงหน่อขึ้นเป็นระยะสั้นๆ ลำต้นตั้งตรง มีความสูงประมาณ 1.5-3 เมตร เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำ
- ใบกกธูปฤาษี เป็นใบเดี่ยว มีกาบใบเรียงสลับในระนาบเดียวกัน ลักษณะใบเป็นรูปแถบ มีความกว้างประมาณ 1.2-1.8 เซนติเมตร และยาวประมาณ 50-120 เซนติเมตร แผ่นใบด้านบนมีลักษณะโค้งเล็กน้อยเพราะมีเซลล์หยุ่นตัวคล้ายฟองน้ำหมุนอยู่กลางใบ ส่วนด้านล่างของใบแบน
- ดอกกกธูปฤาษี ออกดอกเป็นช่อแบบเชิงลดลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก ช่วงดอกเพศผู้มีความยาวประมาณ 8-40 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางช่อประมาณ 0.2-0.7 เซนติเมตร และมีใบประดับประมาณ 1-3 ใบ หลุดร่วงได้ ส่วนช่วงดอกเพศเมียจะมีความยาวประมาณ 5-30 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของช่อประมาณ 0.6-2 เซนติเมตร มักแยกออกจากส่วนดอกเพศผู้ด้วยส่วนของก้านช่อดอกที่เป็นหมันที่มีความยาวประมาณ 2.5-7 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็ก ไม่มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก เกสรเพศผู้ส่วนมากแล้วจะมี 3 อัน มีขนขึ้นล้อมรอบ ก้านเกสรเพศผู้จะสั้น
- ผลกกธูปฤาษี มีขนาดเล็กมาก เมื่อแก่จะแตกตามยาว ลักษณะเป็นรูปรี
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ลำต้น, อับเรณู, ราก
สรรพคุณกกธูปฤาษี :
- ลำต้น ยารักษาโรคทางเดินปัสสาวะ ยาบำบัดโรคบางชนิด ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยเพิ่มน้ำนมของสตรีหลังการคลอดบุตร
- อับเรณู ยารักษาโรคทางเดินปัสสาวะ
- ราก ยาบำบัดโรคบางชนิด ช่วยขับปัสสาวะ