ชื่อสมุนไพร : ป่าช้าเหงา
ชื่ออื่น ๆ : ป่าช้าหมอง, หนานเฉาเหว่ย, หนานเฟยเฉา, หนานเฟยซู่, ป่าเฮ่วหมอง, บิสมิลลาฮ์
ชื่อสามัญ : Bitterleaf tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gymnanthemum extensum
ชื่อวงศ์ : Asteraceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ดอกป่าช้าเหงา มีดอกเป็นช่อสั้น ๆ ดอกตัวผู้จะมีขนาดเล็กสีเขียวอ่อนหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม ออกรวมกันเป็นกระจุกเล็ก ๆ กว้าง 12 มิลลิเมตร มีกลีบรองดอก 5 กลีบ ไม่มีกลีบดอก แต่จะมีเกสรอยู่มาก ส่วนดอกตัวเมียจะมีลักษณะคล้ายกันแต่จะมีรังไข่ที่เหนือวงกลีบ และมีขนดอกหนาแน่น
- ผลป่าช้าเหงา ผลมีลักษณะเกือบกลม ผิวเกลี้ยง ขนาดผลประมาณ 2 เซนติเมตร และแบ่งออกเป็นพูเล็ก ๆ จำนวน 3 พู ผลอ่อนจะมีเนื้อสีเขียว ส่วนผลแก่จะมีเนื้อสีเหลืองแสด เมล็ดมีขนาดค่อนข้างใหญ่ คือ 7-8 มิลลิเมตร โดยหนึ่งผลจะมี 3 เมล็ดอยู่ในแต่ละพูของผล มีเนื้อเยื่อขาว ๆ หุ้มอยู่
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ใบ
สรรพคุณ ป่าช้าเหงา :
- ใบสด ตำราจีนระบุว่า ช่วยลดความดัน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด รักษาอาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ต่อต้านโรคเก๊าต์ ต่อต้านโรคเบาหวาน แก้โรคไขมันสูง รักษาโรคไทรอยต์ต่ำ ไม่เหมาะกับผู้มีไทรอยต์สูง ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยรักษาหูดให้หลุดออกและผิวเรียบปรกติ ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก เพิ่มสมรรถนะทางเพศ รักษาโรคใจสั่น ช่วยให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
ต้นป่าช้าเหงา หรือ หนานเฉาเหว่ย เป็นสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดจากจีน และเป็นพืชกลุ่มเดียวกับฟ้าทลายโจร และพญายอ นิยมปลูกเพื่อเป็นสมุนไพร รักษาอาการของโรคต่างๆ ส่วนที่นำมาทานเพื่อบรรเทาอาการของโรค คือ ใบสด ที่มีรสขมจัด
ปริมาณของใบป่าช้าเหงาที่ควรทาน
- ทานเป็นอาหาร
ทานใบป่าช้าเหงาโดยนำใบมารองกระทงห่อหมกแทนใบยอ หรือยำดอกขจรใส่ดอกป่าช้าเหงา คนพื้นบ้านนิยมกินช่วงเปลี่ยนฤดู ปลายฝนต้นหนาว เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ให้เจ็บป่วย (นิยมนำมาลวกน้ำร้อนก่อนรับประทาน เพื่อลดความขม และลดฤทธิ์ยา วันละ 3-5 ใบ) - ทานเป็นยา
เช่น เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือกินบำรุงร่างกาย
*กินใบสด ถ้ากินใบใหญ่เท่าฝ่ามือ วันละ 1 ใบ กินบ้างหยุดบ้าง เช่น กินวันเว้นวัน หรือ 2-3 วันกินที ถ้าจะกินทุกวัน แนะนำวันละ 1-2 ใบเล็กๆ ติดต่อกันไม่เกิน 1 เดือน อาจเว้น 1 เดือน แล้วเริ่มกินใหม่
*ต้มกิน ใบเท่าฝ่ามือ 3 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ต้มพอเดือด 3-5 นาที ดื่ม 250 มิลลิลิตร ก่อนอาหารเช้า วันละ 1 ครั้ง ตอนตื่นนอน กินบ้างหยุดบ้างไม่แนะนำให้กินทุกวัน หรือกินต่อเนื่อง เพราะเป็นยาเย็น
(จากการใช้ของคนไทใหญ่และทางใต้ มักกินไม่เกินวันละ 5 ใบ)
ข้อควรทราบก่อนทานใบป่าช้าเหงา
- สมุนไพรไม่ได้ทำให้โรคดังกล่าวหายขาด ห้ามหยุดยาแผนปัจจุบัน ห้ามขาดการรักษา
- ผู้ป่วยควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ความดันตก (BP < 90/60 มิลลิเมตรปรอท อาจมีวิงเวียน หน้ามืด) น้ำตาลตก (ระดับน้ำตาล < 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจมีวิงเวียนหน้ามืด ใจสั่น เหงื่อกออก) ต้องหยุดกินทันที
- จากรายงานการใช้ พบว่าให้ผลลดความดันและน้ำตาลได้เร็ว และลดได้มาก ในผู้ป่วยบางราย (Haemolytic properties) แต่บางรายงานก็ไม่พบผลดังกล่าว
- พบพิษต่ออัณฑะในหนูเพศผู้ เมื่อใช้ติดต่อกัน 5-6 วัน ระวังการใช้ติดต่อกันนานหรือเข้มข้นในชายวัยเจริญพันธุ์