ชื่อสมุนไพร : พญาปล้องทอง
ชื่ออื่นๆ : ผักมันไก่, ผักลิ้นเขียด(เชียงใหม่), พญาปล้องดำ(ลำปาง), พญาปล้องทอง(ภาคกลาง), ลิ้นมังกร, โพะโซ่จาง(กะเหรี่ยง), เสลดพังพอนตัวเมีย, พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clinacanthus nutans (Burm.f) Lindau.
ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- พญาปล้องทอง ไม้เถาล้มลุก มีลักษณะเป็นพุ่มแกมเลื้อยเถา มักจะเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆ ลำต้นหรือกิ่งก้าน เกลี้ยง เป็นข้อปล้อง ต้นอ่อนจะเป็นสีเขียว แตกกิ่งก้านดกทึบ
- ใบพญาปล้องทอง เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ลักษณะใบรูปใบหอกยาวแคบๆ ปลายใบยาวแหลม ไม่มีหนาม โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบสีเขียว ขนาดยาว 7-9 ซม. กว้าง 2-3 ซม. ก้านใบยาว 0.5 ซม.
- ดอกพญาปล้องทอง ออกดอกเป็นกระจุกตรงปลายกิ่ง กลีบรองกลีบดอกสีเขียวยาวเท่าๆ กัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆ อยู่โดยรอบ กลีบดอกเป็นหลอด ยาว 3-4 ซม. ปลายแยกเป็น 2 กลีบ คือกลีบบนและกลีบล่าง สีแดงอมส้ม เกสรตัวผู้มี 2 เกสรตัวเมียเกลี้ยงไม่มีขน
- ผลพญาปล้องทอง เป็นผลแห้ง ลักษณะรูปรี แตกออกได้ เมล็ดแบน
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ทั้งต้น, ใบสด, ราก
สรรพคุณ พญาปล้องทอง :
- ต้น ใช้ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ลมพิษ แผลน้ำร้อนลวก
- ใบ รสจืดเย็น นำมาสกัดทำทิงเจอร์และกรีเซอรีน ใช้รักษาแผลผิวหนังชนิดเริ่ม Herpes และรักษาแผลร้อนในในปาก Apthousดับพิษร้อน แก้แผลน้ำร้อนลวก
- ราก รสจืดเย็น ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน แก้ปวดเมื่อยบั้นเอว
ฝนทาแก้พิษงู ตะขาบ แมงป่อง - ทั้งต้น รสจืดเย็น แก้พิษงู พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้เริม แก้บิด ถอนพิษไข้
ไฟลามทุ่ง โขลกกับดินประสิวเล็กน้อยผสมเหล้าขาวคั้นเอาน้ำดื่มและเอากากพอก